“พระองค์ได้พัฒนาพระราชวิสัยทัศน์ และพระราชทานกุญแจสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ภาย ใน ปี พ.ศ. ๒๕๗๓ ในเรื่องนี้ดิฉันขอขอบคุณคณะผู้แทนไทยประจำองค์การยูเนสโก และองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลกที่จัดประชุมตามสมสมัยในครั้งนี้
พระราชวิสัยทัศน์อันกว้างไกล แห่งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน มิใช่เฉพาะในประเทศไทย แต่ทั่วสากลโลก
พระองค์ทรงได้สร้างประวัติศาสตร์แห่งศตวรรษที่ ๒๐ แต่พระราชวิสัยทัศน์ของพระองค์ ซึ่งดิฉันจะเรียกว่า พระอัจฉริยภาพมากกว่า จะสร้างประวัติศาสตร์แห่งศตวรรษที่ ๒๑ ด้วย
พระองค์ทรงพระราชทานพระราชวิสัยทัศน์แห่งการพัฒนามนุษย์อย่างบูรณาการ เพื่อให้ผู้ด้อยโอกาสมีอำนาจที่จะบรรลุความเท่าเทียมกันทางสังคม ด้วยการท้าทายรูปแบบของการพัฒนาการทั่ว ๆ ไปที่ใช้กันอยู่ แนวพระราชดำรินี้สอดคล้องอย่างลึกซึ้งกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ ที่ได้ตั้งเป้าให้บรรลุภายใน ปี พ.ศ. ๒๕๗๓ ซึ่งประกาศไปเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๙ นับเป็นการตั้งพระราชปณิธานและพระราชทานแบบพิมพ์เขียวที่ชัดเจน ในการพัฒนาศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และปกป้องโลก”